วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

การทำบุญ



คำถาม 
มี คนเคยบอกว่า การทำบุญอย่าหวังสิ่งตอบแทน ซึ่งจริง ๆ แล้วการทำบุญ (กรรมดี) จะต้องเกิดผลอยู่แล้ว ฉะนั้น จะต่างกันหรือไม่ ระหว่าง “การหวังผล”, “การอธิษฐาน”, “ไม่หวังอะไร” 

ตอบ 
เป็นคำถามที่ดีมากครับ เพราะคนส่วนใหญ่สับสน ไม่เข้าใจถูกต้อง จึงทำให้พลาดจากประโยชน์ที่ควรจะได้กันเป็นส่วนมาก บางคนบอกว่า ไม่ควรจะหวังสิ่งตอบแทนอะไร ๆ เคยมีคนเล่าให้ฟังว่าเวลาทำบุญเวลาอธิษฐานนั้น กระผมก็กลั้นใจเอาไม่นึกถึงอะไร เมื่อทำเสร็จแล้วก็อย่าไปนึกถึง เพราะถือว่าทำแล้วก็ให้จบกันไป (ถ้าอย่างนี้เจตนาทั้ง ๓ กาลจะไม่บริบูรณ์เลย) 
อย่างนี้ก็มีมาก ส่วนบางคนก็ขอเอา ๆ ขอให้ร่ำรวย ขอให้สวยให้หล่อ ขอให้ได้โครงการใหญ่ ๆ ให้ถูกหวยรางวัลที่ ๑ หรือไม่ก็ขอให้เกิดมาได้เป็นคู่กันอีก......มากมาย อย่างนี้ก็มีมาก 

การทำกุศลในลักษณะข้างต้นนั้น ถือว่าเกิดขึ้นจากพื้นฐานของขาดความเข้าใจอย่างถูกต้อง เพราะขาดการฟังธรรม (ที่ถูกต้อง) นั่นเอง จึงทำให้พลาดจากประโยชน์ที่พึงจะได้รับกันไป 

ก่อนอื่น คำถามของท่าน ขออนุญาตแยกประเด็นเป็น ๒ ประเด็น 
“การขอ ” กับ “อธิษฐาน” 
การขอ กับความหวังนั้น เป็นเรื่องเดียวกัน ถามว่า.... ขออะไร ? หวังอะไร? 
คำตอบก็คือ ขอโลกธรรมฝ่ายดี ๔ ประการ อันได้แก่ ลาภ ยศ สรรเสริญ และสุข อันเป็นยอดปรารถนาของคนส่วนใหญ่ ทุกคนย่อมปรารภธรรมทั้ง ๔ นั้น ขอเรียนให้ทราบว่า การขอ นั้นจิตใจก็เป็นไปกับความโลภ จิตใจเป็นอกุศล ไม่ใช่กุศลจิต 

การทำบุญ โดยเฉพาะเรื่องของทาน นั้น ธรรมชาติของผู้จะทำก็มักจะนึกปรารภผลอยู่แล้วในใจ มิฉะนั้นจะไม่ทำกัน แม้จะบอกแก่ตัวเองว่า อย่าไปนึกอะไร แต่ความหวังก็แอบแฝงเข้าไปอยู่แล้ว หวังทั้ง ๆ ที่บ่อยครั้งตัวก็ไม่แน่ใจว่าที่ทำน่ะ จะได้ดั่งหวังหรือไม่ ส่วนใหญ่ทำเพราะเขาทำ ก็ทำตามกันไป เขาว่าดีก็เลยถือเอาว่าดี 

เวลาทำกุศลอะไร จึงต้องขอกันไปเรื่อย ทำให้การทำกุศลนั้นๆ มีกิเลสล้อมหน้าล้อมหลัง ทำให้กุศลนั้นเศร้าหมองไปโดยใช่เหตุ 
และส่วนใหญ่ คิดว่าการขอนั้นคือการอธิษฐาน.. ซึ่งไม่ใช่เลย 
เพราะการขอเกิดจากจิตที่เป็นจิตโลภ ไม่ใช่ จิตฝ่ายกุศล 

ส่วน การ “อธิษฐาน” นั้น ท่านมุ่งหมายเอาการที่บุคคลผู้เจริญกุศล มีทาน ศีล ภาวนา เป็นต้น แล้วปรารภมรรคผลนิพพาน ทำเพื่อแจ้งพระนิพพาน จึงถือว่าเป็นการอธิษฐาน 
จิตที่ทำการงานเช่นนี้ ย่อมเป็นจิตฝ่ายมหากุศลและประกอบปัญญาด้วย 
ปัญหาคือ พวกเราส่วนใหญ่ยังไม่รู้เรื่องมรรคผลนิพพาน (ควรศึกษาเพื่อให้ได้รู้) จิตใจเลยไม่สามารถจะปรารภพระนิพพานได้ ได้แต่พูดกันตามๆกัน พระนิพพานเป็นอย่างไร ไม่เคยได้ฟังจริงๆเสียที 

อยากจะแนะนำว่า ถ้ามีศรัทธาที่จะอธิษฐาน ก็พึงอธิษฐานให้กุศลนี้ เป็นไปเพื่อความสิ้นทุกข์ เป็นไปเพื่อสิ้นกิเลสก็ได้ครับ อย่างนี้ดูจะง่ายต่อจิตใจที่จะหยั่งลงไปในความรู้สึกนั้นได้เป็นเบื้องต้น
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น