คำถาม
มี คนเคยบอกว่า การทำบุญอย่าหวังสิ่งตอบแทน ซึ่งจริง ๆ แล้วการทำบุญ (กรรมดี) จะต้องเกิดผลอยู่แล้ว ฉะนั้น จะต่างกันหรือไม่ ระหว่าง “การหวังผล”, “การอธิษฐาน”, “ไม่หวังอะไร”
ตอบ
เป็นคำถามที่ดีมากครับ เพราะคนส่วนใหญ่สับสน ไม่เข้าใจถูกต้อง จึงทำให้พลาดจากประโยชน์ที่
อย่างนี้ก็มีมาก ส่วนบางคนก็ขอเอา ๆ ขอให้ร่ำรวย ขอให้สวยให้หล่อ ขอให้ได้โครงการใหญ่ ๆ ให้ถูกหวยรางวัลที่ ๑ หรือไม่ก็ขอให้เกิดมาได้เป็นคู่
การทำกุศลในลักษณะข้างต้นนั้น ถือว่าเกิดขึ้นจากพื้
ก่อนอื่น คำถามของท่าน ขออนุญาตแยกประเด็นเป็น ๒ ประเด็น
“การขอ ” กับ “อธิษฐาน”
การขอ กับความหวังนั้น เป็นเรื่องเดียวกัน ถามว่า.... ขออะไร ? หวังอะไร?
คำตอบก็คือ ขอโลกธรรมฝ่ายดี ๔ ประการ อันได้แก่ ลาภ ยศ สรรเสริญ และสุข อันเป็นยอดปรารถนาของคนส่วนใหญ่ ทุกคนย่อมปรารภธรรมทั้ง ๔ นั้น ขอเรียนให้ทราบว่า การขอ นั้นจิตใจก็เป็นไปกับความโลภ จิตใจเป็นอกุศล ไม่ใช่กุศลจิต
การทำบุญ โดยเฉพาะเรื่องของทาน นั้น ธรรมชาติของผู้จะทำก็มักจะนึ
เวลาทำกุศลอะไร จึงต้องขอกันไปเรื่อย ทำให้การทำกุศลนั้นๆ มีกิเลสล้อมหน้าล้อมหลัง ทำให้กุศลนั้นเศร้าหมองไปโดยใช่
และส่วนใหญ่ คิดว่าการขอนั้นคือการอธิษฐาน.. ซึ่งไม่ใช่เลย
เพราะการขอเกิดจากจิตที่เป็นจิ
ส่วน การ “อธิษฐาน” นั้น ท่านมุ่งหมายเอาการที่บุคคลผู้
จิตที่ทำการงานเช่นนี้ ย่อมเป็นจิตฝ่ายมหากุ
ปัญหาคือ พวกเราส่วนใหญ่ยังไม่รู้เรื่
อยากจะแนะนำว่า ถ้ามีศรัทธาที่จะอธิษฐาน ก็พึงอธิษฐานให้กุศลนี้ เป็นไปเพื่อความสิ้นทุกข์ เป็นไปเพื่อสิ้นกิเลสก็ได้ครับ อย่างนี้ดูจะง่ายต่อจิตใจที่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น