วันพุธที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2555

ทำใมต้องดีให้ได้

ทำไมต้องดีให้ได้ ?



คำว่าดี ดูออกจะเชยนะ  ใครมาบอกว่าให้ทำดี บางคนรู้สึกคลื่นเหียนอาเจียน คนมาบอก อาจเป็นคุณพ่อคุณแม่มา
บอกให้ลูกทำตัวให้ดี ๆ ลูกฟังเพี้ยนเป็นคำไม่ดี ประชดประชันว่าวันนี้โดนพ่อแม่เทศน์เข้าให้แล้ว แต่ถ้าพระมาเทศน์ว่าให้ทำเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ดี คนก็หาว่าพระมาด่า เรียกว่ากลับตาลปัตรไปซะแล้ว เทศน์กับด่า เลยกลายเป็นคนละเรื่องเดียวกันซะงั้น 


         ไม่อยากทำดีเพราะกลัวเชย ไม่อยากเอ่ยเพราะกลัวแก่ ไม่อยากแลเพราะกลัวคัน ลามปามไปถึงว่า หากมัวดีอยู่ก็ไม่ทันคน ไม่รวย ไม่ไปถึงไหน ไม่มีอำนาจ บางคนก็บ่นเฮ้อ ทำดีนี่เหนื่อยนะ ไม่รู้จะทำไปทำไม แต่เชื่อไหม ในความเป็นจริงทุกคนต้องการดี ทั้ง ๆ ที่เห็นว่ามันเชยแหลกนี่แหละ 


         อยากมีชีวิตที่ดี อยากได้เพื่อนดี อยากได้เมียดี อยากได้สามีดี อยากได้งานดี อยากได้ลูกดี อยากมีความรู้ดี  เห็นไหมว่าแม้คนจะเกลียดดี แต่ที่แท้ปากว่าตาขยิบ ทุกคนรักดีต่างหากล่ะ


         หลายคนบ่นว่าได้เพื่อนไม่ค่อยดี เพื่อนไม่ดีต่อเราเลย แต่ลองตั้งคำถามใหม่ว่า เราเคยดีต่อเพื่อนหรือยัง ? ว่าเพื่อนไม่จริงใจ แล้วเคยจริงใจต่อเพื่อนหรือเปล่า..แย่จริง ๆ มีลูกไม่ดีเลย ไม่กตัญญู ลองนึกย้อนอดีตไม่ต้องถึงอดีตชาติหรอก ชาตินี้แหละ ว่าเราเคยดีต่อคุณพ่อคุณแม่ของเราขนาดไหน ว่าลูกก้าวร้าว แล้วเราเคยก้าวร้าวต่อคุณพ่อ
คุณแม่ให้ลูกเห็นบ้างหรือเปล่า เคยทำกับพ่อแม่ไว้ให้น้ำตาตกแค่ไหน เมื่อเติบใหญ่มาจะต้องน้ำตาตกยิ่งกว่า ลูกทั้งหลายต้องเข้าใจให้ชัดว่าบุญกรรมเป็นวิทยาศาสตร์ที่อัศจรรย์นัก ใครทำเหตุไว้อย่างไร ผลจะเป็นอย่างนั้น ใครทรยศพ่อแม่ ในอนาคตจะถูกเพื่อนทรยศ ถูกแฟนทรยศ จากนั้นจะทุกข์เจียนตาย แบบอยู่ก็ไม่ได้ตายก็ไม่ลง คนอื่นย่อมเห็นภาพชัดเจนว่าขนาดพ่อแม่ยังทรยศมีหรือคนอื่นเขาจะไม่ทรยศ


          หลายคนตอนไม่ได้ไปเป็นตำรวจ ไม่ได้เป็น สส. ไม่ได้เป็นรัฐบาล ก็สวมวิญญาณนักวิชาการได้เชี่ยวชาญชำนาญเมือง วิจารณ์บุคคลและคณะเหล่านี้ได้อย่างเทวดาตาทิพย์มีวิสัยทัศน์ ว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้จึงจะดี ทำอย่างนี้เลวแท้ ๆ  วิจารณ์ได้ดีเลิศประเสริฐซึ้งซาบจนอยากนั่งลงกราบลงไหว้ แต่พอไปเป็นเองไหงอาการหนักกว่าเขาอีก 


          ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งสิ้นทั้งปวง ทุกคนเกิดมาจึงหนีไม่พ้นคำว่าดี เราอยากได้ทั้งคนและวัตถุดี ๆ เราอยากให้ใครกล่าวขานและกล่าวขวัญทั้งตอนเป็นและตอนตายว่า ช่างดีจริงๆ อยากให้นักเขียนประวัติบุคคลสำคัญชั้นดีมาเขียนประวัติของเราเอาแต่ตอนดี ๆ  นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมต้องดีให้ได้ 
   หลวงพ่อพุทธทาส ท่านสอนเด็กว่า เด็กดีต้องมี ๕ ดี คือ ๑ เป็นพลเมืองดี ๒.เป็นสาวกที่ดี ๓ เป็นลูกที่ดี ๔.เป็นศิษย์ที่ดี ๕. เป็นเพื่อนที่ดี ส่วนคนเมื่อเติบโตขึ้นมาแล้ว หลวงพ่อปัญญานันทะ ท่านสอนว่า คนเราจะได้ดีต้อง คิดดี ทำดี คบคนดี ไปสู่สถานที่ดี ๆ 


          มีเพลงดังของนักร้องขวัญใจวัยรุ่นอยู่เพลงหนึ่งในเมืองไทยเป็นของวงชื่อแปลกวง “เล้าโลม”  เนื้อตอนหนึ่งมีว่า “ทำเหมือนคนดี ทั้งที่ใจไม่ต้องการ...มันอยากให้เธอเป็นของฉัน ให้เขาไม่เหลือใคร ในโลกของความจริง ความคิดเลว ๆ ต้องเก็บไว้ปล่อยเธอจากไป ทำได้เท่านี้ ทำได้เท่านี้ ทำได้เท่านี้...” แหมตอนหลังมีเบิ้ลคำซะด้วย ๓ ครั้งอย่างกับสวดมนต์ ในศาสนากล่าวถึงความคิดว่าไม่ผิดศีล เพลงเลยเอามาร้องว่า “ชู้ทางใจ” คิดชั่วแต่เวลาทำไม่ทำตามที่ใจคิด ทำตรงกันข้าม คือทำดียับยั้งชั่งใจได้ สุดยอด แบบชื่อเพลงที่บอกว่า คิดเลวแต่ทำดี แต่แท้จริงความคิดแม้ไม่ผิดศีล แต่ความคิดมันเป็นมโนกรรม ใจมีอำนาจเหลือหลาย ถ้าปล่อยให้ใจมีอิสระคิดอยู่บ่อย ๆ มันจะทะลักออกมาเป็น วจีกรรม กายกรรมทันที  จึงไม่ควรปล่อยใจให้คิดฟุ้งซ่านเรื่อยเปื่อยเป็นอันขาด 


         มีคำสอนว่า “เธอจงระวังความคิดของเธอ เพราะความคิดของเธอมันจะเป็นความประพฤติของเธอ เธอจงระวังความประพฤติของเธอ เพราะความประพฤติของเธอมันจะเป็นความเคยชินของเธอ เธอจงระวังความเคยชินของเธอ เพราะความเคยชินของเธอมันจะเป็นอุปนิสัย(สันดาน)ของเธอ...” 
         การทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นเป็นชิ้นเป็นอัน และไม่เป็นชิ้นเป็นอัน มันเกิดจากใจคิดก่อนทั้งนั้น จึงลงมือทำ คิดเป็นนามธรรม คิดแล้วก็ทำกลายเป็นรูปธรรม ทำผิดครั้งแรกยังกล้าๆกลัวๆ ผิดครั้งที่สองย่ามใจ สามสี่ห้า ไม่เห็นมีโทษเพราะสารสะสมอนุมูลอิสระขยะในร่างกายในจิตใจพาหะนำไปสู่โรคร้ายยังไม่ออกฤทธิ์ ทำจนชิน เป็นอุปนิสัยสันดาน จนเป็นระยะสุดท้าย เข้าโรงพยาบาลดีได้ก็สายเกินไปแล้ว ท่านจึงบอกว่าอย่าทำชั่วจนชิน เพราะถ้าเนื้อเป็นอย่างหนาแบบหูดไฟธูปจี้ก็ไม่เจ็บแล้ว เลยนึกว่าไม่เป็นไร ความทุจริตคิดมิชอบก็คล้ายกันหากทำบ่อยจนชินแล้ว ผิดก็เป็นถูก ถูกก็เป็นผิด เป็นชินที่ไม่ชนะ แต่เป็นชินชา แม้พระพุทธเจ้าก็สอนเขาไม่ได้เขาไม่ฟังใครแล้ว ก่อนบริหารบ้านเมืองรัฐบาลทุกชุด ต้องปฏิญาณตนทั้งนั้น ให้สัจจะกันเจื่อยแจ้วเชียวว่า “จักซื่อสัตย์สุจริตฯลฯ” ทุกชุด แล้วเป็นไง ทุกชุด...เพราะเหตุนี้ไง ว่าทำไมทุกคนต้องดีให้ได้ คนเลือกต้องเลือกให้ดีให้เป็น คนเป็นต้องเป็นให้ดี เพราะถ้าเป็นไม่ดี จะทำให้ทั้งคนเลือกทั้งคนเป็น ตายทั้งเป็น ๆ ไปพร้อม ๆ กัน