วันพฤหัสบดีที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ชะตากรรมที่น่าเศร้า เมื่อเกิดเป็นวัวตัวผู้ในฟาร์มโคนม


ภาพที่เพื่อนเห็นต่อไปนี้ มันเป็นเหตุการณ์จริงในฟาร์มแห่งหนึ่งในอังกฤษ  กับชะตากรรมของลูกวัวเพศผู้ที่ต้องเกิดมาในฟาร์มโคนม  ลูกวัวตัวผู้ถือว่าไร้ประโยชน์สำหรับฟาร์มที่ต้องผลิตน้ำนมจำนวนมากจากแม่โคพันธุ์ดี มันจึงต้องถูกกำจัดโดย  การฆ่า !!  ซึ่งแน่นอนหลายคนคงไม่ทราบกับชะตากรรมของลูกวัวพวกนี้ และอาจสร้างความสลดหดหู่แก่คนรักสัตว์ไม่น้อยเลยทีเดียว
ฟาร์มโคนมจำนวนไม่น้อยที่กำจัดลูกวัวที่พวกเขาคิดว่าไร้ค่าออกไป  มีลูกวัวตัวผู้ไม่ต่ำกว่า 9 หมื่นตัวที่ต้องถูกฆ่าตายในแต่ละปี  ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติของธุรกิจนมวัว  หากแลดูโหดร้ายเกินไปในสายตาคนภายนอก องค์กรการกุศลสัตว์ได้รับการสนับสนุนการตัดสินใจที่จะเผยภาพวิธีกำจัดลูกวัวพวกนี้ โดยกล่าวว่ามันเป็นสิ่งสำคัญที่จะสร้างความตระหนักเกี่ยวกับวิธีการอาหารและเครื่องดื่มที่ผลิต
ภาพการฆ่าลูกวัว 3 ตัว ที่มีอายุเพียงแค่ 1 วัน  โดยเลือกวิธีการยิงหัว












สุดสลด...สองพี่น้องคุกเข่าขอทานหาเงินทำศพพ่อ


สุดสลด...สองพี่น้องคุกเข่าขอทานหาเงินทำศพพ่อ

วันที่ 28 พฤษภาคม  ในเมืองซีอานทางทิศใต้  มณฑลส่านซี  พบเด็กชาย 9 ขวบ  และน้องสาว 4 ขวบ  คุกเข่า  บริเวณข้างถนนเพื่อหวังว่าจะมีคนจิตใจงาม  บริจาคเงินเพื่อฝังพ่อที่เสียชีวิต ตรงหน้าเด็กสองคนจะมี กล่องกระดาษและเงินจำนวนหนึ่ง  และด้านข้างของเด็กจะเป็นภาพพ่อของเด็กทั้งสองและมีพวงมาลา  เป็นที่สะดุดตาแก่คนที่เดิน
ผ่านไปมา
ตามรายงานทราบว่า พ่อของเด็กชื่อ นายเจียง ป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมองฉับพลัน  ไม่มีเงินรักษาและเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม  ครอบครัวนี้อยู่บ้านร้างที่ติดกับห้องน้ำสาธารณะ  หลังจากพ่อเสียชีวิตลง เด็กทั้งสองจำต้องคุกเข่าขอทานริมถนนเพื่อหวังว่าจะมีคนเมตตาบริจาคเงิน เพื่อนำเงินใช้จ่ายฝังศพพ่อ

ด้วยเพราะความกตัญญู และความน่าสงสารของเด็ก  จึงมีคนเมตตาบริจาคเงินจำนวนมาก ซึ่งรายชื่อของผู้บริจาคก็จะถูกบันทึกลงกระดาษเพื่อแสดงความขอบคุณ
ภรรยาของนายเจียง ซึ่งเป็นแม่ของเด็กทั้งสอง ป่วยพิการทางสมอง  หลังจากหัวหน้าครอบครัวเสียชีวิต ครอบครัวนี้ไม่รู้จะเป็นอย่างไรต่อไปในอนาคต


วันเสาร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เอาหลักฐานมาให้ดูว่า การขึ้นรถเล่นน้ำสงกรานต์ เขามีมาตั้งแต่โบราณแล้วจร้า










เหลือไว้แค่ ความทรงจำ

สรรพสิ่งล้วนเป็นอนิจจัง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป











ตอนนี้กำลังรื้อถอนพระเมรุอยู่ครับ









นู๋น้อยจ๋า..อย่าเสียใจไปเลย โชคดีแล้วหล่ะที่ไม่ได้เกิดเป็นลูกมัน


วันนั้นฉันอยู่เวรเด็ก…

นางสาวเอคนไข้หญิงสาววัย 24 ปี ตั้งท้อง 6 เดือนเศษ 
มีประวัติเหน็บยาเร่งคลอดเข้าที่ปากมดลูกด้วยตนเอง (หรือสามี?) ก่อนมาโรงพยาบาลไม่กี่ชั่วโมง 

ตอนมาถึง ER เธอปวดท้องจวนเจียนจะคลอดแล้ว ปากมดลูกเปิดเกือบสุด ถุงน้ำแตก
เธอเบ่งพรวดเดียวหลุดแทบไม่ต้องใช้แรง…แทบไม่มีบาดแผลที่ปากช่องคลอด แทบไม่เสียเลือด

เพราะเด็กตัวเล็กมาก ๆ

เด็กคนนั้นหนักแค่ครึ่งกิโล
เล็กกว่าขวดน้ำปลา
เล็กเหมือนลูกแมว
เล็กจนวางบนมือข้างเดียวได้
ซึ่งหากเกิดมาตาย…เรื่องนี้ก็จบด้วยดี

แต่ทว่า…ทารกหญิงตัวน้อยยังไม่ตาย!!!
หนูร้องแอ๊ว ๆ เบา ๆ สองสามทีเหมือนแมวคราง ก่อนที่จะหายใจพะงาบ ๆ เพราะปอดขาดสารSurfactant ทำให้ไม่สามารถทำงานแลกเปลี่ยนก๊าซได้เต็มที่ เหมือนลูกโป่งที่เป่ายังไงก็ไม่พอง 
หนูกำลังตัวเขียว ซี่โครงบุ๋มเพราะปอดที่แฟ่บไม่อาจขยายได้

(Surfactants – สารลดแรงตึงผิวของถุงลมปอด :: ทารกเกิดก่อนกำหนดที่มีภาวะหายใจลำบากแรกเกิด สาเหตุที่พบคือ ปอดยังเจริญไม่ต็มที่ จึงไม่สามารถผลิตสารลดแรงตึงผิว ซึ่งประกอบด้วย Phospholipidและ protein ที่จะเป็นต่อการทำงานของปอดปกติ สร้างโดยเซลล์เฉพาะที่อยู่บนผนังถุงลมปอด และถูกปล่อยเข้าไปในถุงลมปอด เพื่อลดแรงตึงผิวในปอดและเพิ่มประสิทธิภาพในการแลกเปลี่ยนก๊าซ)

ดญ. (ที่ไม่มีวันได้มีชื่อกับเค้า) ยังคงพยายามสูดลมหายใจด้วยกำลังทั้งหมดที่มี…แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก
เหนื่อย…เหนื่อย…เหนื่อย

ฉันซึ่งเป็นนักศึกษาแพทย์เวรเด็ก…ถูกตามมารอรับตัวอีหนูที่แม่ไม่ต้องการ

เราและพยาบาลช่วยกันสอดท่อช่วยหายใจ ดูดเมือกในปาก สอดสายน้ำเกลือเข้าทางสะดือ  ฉีดยากระตุ้นสารขยายปอด (ซึ่งถึงฉีดไปก็ไม่ได้ช่วยเท่าไหร่หรอก) ต่อเครื่องช่วยหายใจ และให้นอนตู้อบเพื่อเพิ่มความอบอุ่น
หนูนอนหลับตา ตัวนิดเดียว มีตา หู จมูก มือเล็ก ๆ เท้าเล็ก ๆ
ไม่รู้ว่าเหมือนพ่อหรือเหมือนแม่
เธอมีนิ้วที่เล็กมาก และกำแน่น

เธอเป็นมนุษย์เหมือนพวกเรานี่แหละ ไม่ใช่ก้อนเนื้อ ก้อนเลือด อะไร

ฉัน ในฐานะนักศึกษาแพทย์ปี 6 ที่ (เจือก) วิ่งวุ่นช่วยชีวิตเด็กที่สมควรตาย (มั้ง) อยู่ 3 ชั่วโมงจนคืนนั้นไม่ได้นอน (เพราะเด็กเตียงอื่นก็มีธุระให้รักษานะจ๊ะ ไม่ใช่มีคนไข้แค่คนเดียว)
…ก็เพราะแค่อยากให้หนูได้มีชีวิตจนได้ลืมตาเห็นโลกเท่านั้น

เผื่อ ถ้าฟลุก หนูรอดตายและได้ออกจากโรงพยาบาล…แม้ว่าจะมีอันต้องไปอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ก็หวังว่าคงมีสักวันที่หนูคิดว่า “โชคดีที่ยังได้เกิดมา”
(พูดเป็นการ์ตูนญี่ปุ่นไปได้)

ตอนบ่ายวันรุ่งขึ้น เด็กเริ่มระดับออกซิเจนตก ตัวเขียวมาก  ความดันลดต่ำลง…พี่หมอเด็กบอกว่าหมดหวังแน่ ๆ

อื้อ..
ไม่หวังก็ได้
ฉันตัดสินใจเดินไปวอร์ดสูติ ซึ่งอยู่ห่างห้อง ICU เด็กทารกไปแค่ไม่กี่เมตร

หญิงชายหนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังนั่งตระกองกอดกันอยู่บนเตียงแบบไม่อายสายตาคนไข้รวมอีก 20 กว่าเตียงในห้องเดียวกัน

คุณสามีหยิบผลไม้มาป้อนให้คุณภริยาด้วยท่าทีที่อ่อนโยนเหลือจะกล่าว
คุณภริยาสะท้านน้อย ๆ ด้วยความดื่มด่ำในความห่วงใยและความรักของคนรัก เธอกุมมือสามี มองลึกเข้าไปในดวงตาของเค้า…ก่อนที่จะอ้าปากกินส้มกลีบนั้น

“คุณเอที่แท้งมาเมื่อคืนใช่ไหมคะ”
“ใช่ค่ะ”
“ลูกของคุณกำลังจะตายแล้วนะคะ”
“อ้าว ยัง…ไม่ตายเหรอ” (ประโยคหลังพึมพำเบา ๆ)
“ยังค่ะ ยังไม่ตาย เมื่อคืนเธอร้องและพยายามหายใจ หมอใส่ท่อช่วยหายใจไปแล้ว แต่ปอดยังไม่แข็งแรง คิดว่าบ่ายนี้อาจจะไม่รอด …”
“ตกลงยังไงก็ไม่รอด?” ท่าทางทั้งคู่โล่งอก
“ค่ะ แล้วตกลงจะไม่ไปดูหน้าลูกหน่อยเหรอคะ” พอมองดี ๆ แล้วเด็กคนนี้หน้าคล้ายแม่หน่อย ๆ แฮะ
“ไม่ต้องหรอก”
“ลูกคุณนะคะ”
“หมอก็จัดการไปสิ!”
คราวนี้คู่สามีภรรยาดังกล่าวหันมาถลึงตามองฉันที่บังอาจเป็นนางมารมารบกวนเวลาปลอบประโลมชื่นมื่น (และสมหวัง?) ของพวกเค้า
บ่ายสามโมงวันนั้น  ความดันเธอเริ่มตกลงเรื่อย ๆ ชีพจรเต้นรัวเร็วมาก ๆ ๆ
และในที่สุดหัวใจก็หยุดเต้น 
หน้าอกยังคงกระเพื่อมเพราะเครื่องช่วยหายใจ
เราตัดสินใจถอดท่อช่วยหายใจออก
มือเล็ก ๆ กำอยู่หลวม ๆ แขนเล็ก ๆ ลีบ ๆ วางตกอยู่ข้างลำตัว  ตาสองชั้นเล็ก ๆ ที่ไม่มีขนตายังคงปิดอยู่เหมือนเดิม
แต่หน้าอกไม่กระเพื่อมแล้ว

เด็กหญิงที่ไร้ชื่อตายอย่างเดียวดาย !!!

ไม่ปรากฏญาติมาเยี่ยม
ไม่มีผู้มารับศพ
ไม่มีงานศพ
ไม่มีโลง
ไม่เผา ไม่ฝัง
แค่ถูกฉีดยากันเน่าก่อนที่จะลำเลียงไปยังห้องดับจิตของโรงพยาบาล

เด็กตัวเล็กกว่าขวดน้ำปลาที่ไม่มีคนร้องไห้ให้

ฉันก็ไม่ได้ร้องไห้ มันร้องไม่ออก
แค่ปาดน้ำตาไปทีนึง…

พวกเค้าไม่ใช่คนยากจนหาเช้ากินค่ำที่ยังไม่มีเงินเลี้ยงลูก ไม่ใช่วัยรุ่นอ่อนหัดที่ไม่รู้จักวิธีคุมกำเนิด ไม่ใช่นักเรียนใจแตกที่ท้องก่อนเรียนจบ ไม่ได้ติดเชื้อหัดเยอรมันหรือมีโครโมโซมผิดปกติที่จะทำให้เด็กพิการเมื่อเกิดมา ไม่ได้มีโรคประจำตัวที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อแม่หากต้องตั้งครรภ์
พวกเค้าเป็นชายหญิงทำงานบริษัท เรียนจบแล้ว อายุไม่น้อย การศึกษาก็ดี (ปวส. และปริญญาตรี)
พวกเค้าแต่งกายดี พูดจาภาษากลางไม่ติดสำเนียงเหน่อ มีโทรศัพท์มือถือใช้ ผิวพรรณสะอาดสะอ้านแบบคนที่ไม่ต้องทำงานหนัก ผมตัดเข้าทรงไม่รุงรัง

พวกเค้ามีเหตุผลอะไรกันนะที่สำคัญมากจนไม่สามารถเก็บเด็กคนนี้ไว้ได้

เพราะเค้ายังไม่พร้อม…งั้นเหรอ?











วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ใครเป็นคนยิง??


   ชายวัย 80 คนหนึ่ง มาหาหมอ เพื่อตรวจร่างกายประจำปี เป็นไงครับ สบายดีมั้ย หมอถาม ฟิตปั๋งเลยแหละครับ ชายแก่คุย ผมเพิ่งแต่งงานใหม่กับเจ้าสาวเอ๊าะๆ อายุแค่ 18 แถมตอนนี้ เธอก็ตั้งท้องลูกของผมแล้วด้วย ชายแก่อวดอย่างภูมิใจ หมออึ้งไปพักใหญ่แล้วพูด ผมมีเรื่องๆ นึงจะเล่าให้ฟัง ผมรู้จักผู้ชายคนนึง เขาชอบเข้าป่าล่าสัตว์มาก อยู่มาวันนึง เขารีบไปหน่อยแทนที่จะหยิบปืนดันคว้าผิดเอาร่มไปแทน พอเข้าไปในป่า อยู่ๆ มีหมีตัวนึงโผล่ออกมาตรงหน้าเขา เขาตกใจหยิบร่มขึ้นมาแล้วกดไกทีนี้ลองทายดูซิว่าเกิดอะไรขึ้น หมอถาม ไม่รู้สิ ชายแก่เดาไม่ถูก หมอตอบ หมีโดนกระสุนล้มลงตาย! เป็นไปได้ไง!! ชายแก่ไม่เห็นด้วย คนอื่นยิงล่ะม้าง ผมก็ว่างั้นแหละ ! ! ! หมอตอบ

หนทางจัดการสุนัขชอบหอน



หนทางจัดการสุนัขชอบหอน

                ถ้า สุนัขของคุณชอบเป็นนักหอนตัวยง คุณอาจจะไม่เป็นที่ต้อนรับเท่าไหร่นักสำหรับเพื่อนบ้าน คนที่ผ่านไปมาหรือเด็ก ๆ ที่ชอบเล่นอยู่ใกล้ ๆ บ้านคุณ  ซึ่งวิธีการง่าย ๆ ในการลดการหอนของสุนัขก็คือ การใช้หัวใจในการจัดการกับ สถานการณ์  ทำความเข้าใจว่าทำไมน้องหมาถึงหอน ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ ก็เกิดมาจาก
                ความเหงา สุนัขที่ถูกปล่อยให้อยู่บ้านตัวเดียวนาน ๆ  ชอบที่จะหอนเพราะเขารู้สึกกลัว
                สภาพ แวดล้อม เจ้าตูบอาจจะหอนเพราะว่าคุณสอนเขาโดยไม่รู้ตัว เช่น เมื่อเขาหอนคุณก็ให้ขนมกับเขา ทำบ่อย ๆ ครั้งน้องหมาก็จะติดเป็นนิสัย หรือเมื่อสุนัขหอนแล้ว คุณปล่อยให้เขาออกไปวิ่ง เขาก็จะทำแบบเดิมอีกเมื่ออยากได้อะไร
                ไม่ ได้ออกกำลัง  การที่สุนัขไม่ได้ออกกำลังกาย ทำให้น้องหมามีพลังงานเหลือเฟือ และเลือกที่จะเผาพลังงานไปกับการส่งเสียงหอน ถ้าน้องหมาไม่ได้รับการออกกำลังกายบ่อย เขาก็จะหลับมากกว่าหอน
                แล้วเราจะจัดการกับน้องหมาชอบหอนได้ยังไง
1.       พา เขาออกไปเดินเล่นอย่างน้อย ๆ ๒๐ นาทีต่อวัน หรือพาเขาออกไปวิ่งเล่นเกม สุนัขที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ในสวนหลังบ้าน หรือใช้เวลาในบ้านมาก ต้องการการออกกำลังกายมากเป็นพิเศษ
2.       พาเขาไปสวนสาธารณะเป็นประจำ อย่างน้อย ๆ สัปดาห์ละครั้ง และให้เขาได้เจอกับเพื่อนสุนัขด้วยกัน เพื่อให้เขารู้จักการเข้าสังคม
3.       หา อะไรให้น้องหมาทำยามที่เขาบ้านคนเดียว แทนที่จะมัวแต่หอน คุณก็ควรจะหาอะไรให้น้องหมายุ่งเข้าไว้ เช่นการนำขนมไปซ่อนตามที่ต่าง ๆ หาของเล่นให้เขาเล่น หรือหาอะไรที่เจ้าตูบของคุณชอบมาดึงความสนใจของเขา
4.       เมื่อ น้องหมาหอน คุณต้องทำให้เขาหยุดด้วยการดึงความสนใจของเขา เช่น การนำของที่เขาชอบมาหลอกล่อ หรือนำของเล่นที่ส่งเสียงได้มาเขย่า และเมื่อสุนัขหยุดหอนก็มอบขนมเป็นรางวัล ให้เขารู้ว่าการไม่หอนถือเป็นสิ่งที่ควรทำ
5.       สอน เรื่องคำสั่ง ”เงียบ” ทุกครั้งที่น้องหมาหอน คุณต้องออกคำสั่งว่า “เงียบ” หรือ “อย่าหอน” ลองถือขนมไว้ตรงจมูกของเขา ซึ่งสุนัขส่วนใหญ่จะหยุดหอนทันที เพราะว่าพวกเขาไม่สามารถดมกลิ่นขนมกับหอนไปพร้อม ๆ กันได้ในคราวเดียวกัน ให้ของรางวัลเมื่อเขาหยุดหอนได้ ๓ วินาที และทำซ้ำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ยืดเวลาในการให้ขนมกับเขาให้นานขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละครั้ง หรือคุณอาจจะดัดแปลงสอนให้เขาหอนยามที่จำเป็นจริง ๆ ก็ได้ เพราะสุนัขที่เงียบอยู่ตลอดเวลาก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก หอนได้แต่ต้องพอเหมาะพอควร
เมื่อ ลองทำครบทั้ง ๕ ขั้นตอนแล้ว คุณก็ไม่ต้องเผชิญสายตาตำหนิจากเพื่อนบ้านที่รำคาญเสียงของน้องหมาของคุณ คุณสามารถพาเขาออกไปไหนมาไหน และได้ใช้เวลาอยู่กับเขามากขึ้น สร้างสายใยความรักและความผูกพันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

ความหมายของเสียงเห่าสุนัข


ความหมายของเสียงเห่าสุนัข


ผู้เชี่ยวชาญทางด้านพฤติกรรมของสุนัขแยกประเภทและความหมายของเสียงเห่าแต่ละชนิดไว้ดังนี้

-เห่าติดต่อกันเป็นชุด ๆ 3-4 ครั้งโดยมีช่วงหยุดระหว่างชุด
ความหมาย...เป็นการเชิญชวนของสุนัขให้ มาดูอะไรที่น่าสนใจตรงนี้กันเถอะ

-เห่าเร็ว ๆ ติดต่อกันด้วยโทนเสียงปานกลาง
ความหมาย...การเตือนภัยของสุนัขว่า มีสิ่งไม่น่าไว้วางใจใกล้เข้ามา

-เห่าด้วยเสียงต่ำ ๆ ติดต่อกันอย่างช้า ๆ

ความหมาย...กำลังมีภัยประชิดตัว

-เห่าแล้วหยุด เห่าแล้วหยุด ติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ
ความหมาย...สุนัขกำลังเหงา

-เห่าสั้น ๆ ครั้งสองครั้ง
ความหมาย...การทักทายตามปกติของสุนัข

-เห่าครั้งเดียวสั้น ๆ เมื่อคุณหรือสุนัขอีกตัวกำลังยุ่งอยู่กับเขา

ความหมาย...เขากำลังรำคาญและพยายามบอกคุณว่า หยุดซะทีเถอะ

-ลูกสุนัขเห่าติดต่อกัน
ความหมาย...เป็นการเรียกร้องความสนใจ

-เห่าครั้งเดียวสั้น ๆ เป็นการเรียกเจ้าของ

ความหมาย...เขาต้องการขับถ่ายหรือถึงเวลาให้อาหารแล้ว

-เห่าติด ๆ กันรัวและดังขึ้นเรื่อย ๆ
ความหมาย...บ่งบอกถึงความตื่นเต้นสนุกสนานกับอะไรบางอย่าง 
ตั๊ก บงกช ยืดอกรับ หนูโพสท์เองค่ะ ...
เมื่อก่อนบอกตรงๆ ไม่ค่อยชอบตั๊กนะ แต่ตอนนี้ ตั๊กครับ รักว้อยเฮ้ย...เต็มๆจร้า